หลายคนที่เคยทำงานออฟฟิสคงเคยเจอเหตุการณ์ที่ตอนเช้าเพื่อนร่วมงานบางคนยังคุยกันอยู่ พอสายถูกเรียกเข้าห้องประชุมเมื่อประชุมเสร็จก็เก็บของออกจากบริษัทพ้นสภาพพนักงานโดยไม่มีวี่แววมาก่อน ทำไมบริษัทหรือฝ่ายบุคคลต้องทำแบบนั้น เป็นการทำต่อพนักงานที่รุนแรงเกินไปหรือไม่

     คงต้องทบทวนกันก่อนว่าการเลิกจ้างนั้นเกิดขึ้นจากการบอกกล่าวของนายจ้าง โดยการเลิกจ้างแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ เลิกจ้างแบบไม่มีความผิด แและ เลิกจ้างแบบมีความผิด

     การเลิกจ้างแบบไม่มีความผิด เป็นกรณีของการเลิกจ้างที่อาจเกิดจากการปรับการบริหารจัดการ ซึ่งทำให้ตำแหน่งนั้นว่างลง เช่น การนำเครื่องจักรมาใช้แทน หรือการปรับปรุงองค์กรทำให้ไม่มีฝ่ายงานนั้นแล้ว หรืออาจมีการย้ายที่ทำการให้เหมาะกับรูปแบบธุรกิจ ซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์ของการทำธุรกิจที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความต้องการของใครคนใดคนหนึ่ง

     ส่วนการเลิกจ้างแบบมีความผิด เป็นกรณีของพนักงานทำความผิดที่เข้าข่ายเลิกจ้างโดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า และไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ซึ่งต่างกันเพราะเป็นการทำให้องค์กรได้รับความเสียหาย ซึ่งเป็นธรรมชาติของโลกที่ทุกคนย่อมต้องรักษาสิทธิและผลประโยชน์ของตนไม่ให้ใครมาฉกฉวยเอาไปโดยความไม่ชอบธรรมแและไม่ชอบด้วยกฎหมาย

     เมื่อการเลิกจ้างทั้งสองแบบมีความต่างกัน การเลิกจ้างแบบไม่มีความผิดส่วนมากบริษัทจะมีการแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งงวดการจ่ายค่าจ้าง พนักงานที่ถูกเลิกจ้างยังคงทำงานกันต่อไป ใช้วันลาทั้งหมดที่มีไม่ว่าจะเป็นลากิจ ลาพักผ่อนประจำปี หรือลาใดๆที่มีเฉพาะบริษัทนั้นๆกำหนดให้จนหมด โดยใช้วันลานั้นไปสมัครงานใหม่ ซึ่งบริษัทก็มักจะไม่ขัดข้องในการลาแบบนี้เพราะถือว่าสถานการณ์ทำให้เราไม่ได้ไปกันต่อ ซึ่งแตกต่างกับการเลิกจ้างแบบมีความผิดที่ต้องให้มีผลในทันที เพราะโดยพื้นฐานของการคัดเลือกคนทำงานขององค์กรจะมีคุณสมบัติที่สำคัญกว่าความสามารถคือ ความซื่อสัตย์ และความซื่อตรง สองคำที่ขยายความไปถึงความไว้ใจ ความเชื่อใจ ในวันสัมภาษณ์หากพิจารณาว่าไม่มีความซื่อสัตย์ ซื่อตรงองค์กรยังไม่รับเข้าทำงาน และเมื่อรับเข้ามาแล้วความซื่อสัตย์ ความซื่อตรงที่เคยมีกลับไม่มีให้กันก็จะกลายเป็นการระวัง ระแวงต่อกัน จึงจำเป็นที่ต้องให้การเลิกจ้างมีผลในทันทีเพราะไม่สามารถประเมินได้เลยว่าอารมณ์ของพนักงานที่ถูกเลิกจ้างจะก่อความเสียหายอะไรให้ขึ้นกับองค์กรบ้าง เพราะพนักงานบางคนที่ถูกเลิกจ้างอาจถือคติว่า "พังไปด้วยกัน" ก็เป็นได้.

                                                                                                 ทนายความสาธิต

                                                                                          BLUEPEN LAW OFFICE